เลิกล้าสมัยได้แล้วครับน้องๆ ...ปรับตัวสามข้อตามนี้...สร้างความได้เปรียบทันที...
ข่าวสาร...อย่าเสียเวลาไปค้น...แค่เปิดประตู...เค้าจะเข้ามาเอง...
นาทีนี้ถ้ายังต้องคอย Search หาข้อมูลทุกอย่างในการทำงานอีกนี่...ถือว่าเสียเปรียบมากเลยนะครับ
โลก Social Network นี่ข้อมูลทุกอย่างปลิวกันว่อน...แค่ทำให้ถูกต้อง...ทุกอย่างที่คุณต้องการก็จะ...เสิร์ฟพร้อมถึงมือได้ตลอดเวลา....ผมขอให้คำแนะนำอย่างนี้เลยครับ
- Unfollow เพื่อนใน Facebook ครับ...ไม่ใช่ Unfriend นะครับ
ทุกๆ โพสต์ที่มันไม่ได้มีสาระ จะมีปุ่มด้านขวาตามรูป สามารถเลิกติดตามข่าวสารจากเพื่อนหรือ Web นั้นๆ ได้ครับ ... ข้อดีคือจะได้ไปหาอะไรประเทืองปัญญามา Follow แทนครับ
ทุกวันนี้ผม Unfollow เพื่อนจนเกือบเกลี้ยงแล้วครับ ... เหลือแต่คนที่สนิทจริงๆ กับข่าวสาร - หา Page ที่มีประโยชน์และไป Like ไว้ครับ เท่านั้นเอง ข่าวสารก็จะไหลมาเทมา
ที่สำคัญคือ เราควรรู้ว่าข่าวสารประเภทไหนที่เราต้องการข้อมูลบ่อยๆ เช่น
คนที่ตามข่าว Condominium ก็ควรไป Like page ที่ให้ข้อมูลอสังหาฯ
คนที่ตามข่าวเทคโนโลยี ก็ควรไปหา Page ที่ Feed ข้อมูลด้านนั้นๆ
แต่ก็อย่าเอาแต่ด้านเดียวครับ ... ข่าวสารมีหลายด้านเลือกๆ ไว้บ้างนะครับ เช่น
Page ข่าว, Page ประวัติศาสตร์, Page ท่องเที่ยว, ธรรมะ ... ฯลฯ มากมายครับ
ในที่นี้ผมคงไม่ได้แนะนำว่าควร Like Page ไหนนะครับ ... Search หาที่ชอบเองนะครับ - พอ Like ไว้มากๆ สักพักก็ควรมาจัดการ Unlike บรรดา Page ที่ไม่ชอบแล้ว หรือ Page ที่คิดผิดตอนไป Like มา ออกไปบ้าง เพราะจะได้มีที่ให้ Feed จาก Page ที่ต้องการขึ้นมาแทน
- Social Media อื่นๆ ที่มีประโยชน์นั้น มีอีกมาก เช่น Instagram, Pinterest, Slideshare และอื่นๆ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมและฝึกใช้ให้เป็นประโยชน์ดูนะครับ
แล้วทุกๆ วัน ... เปิด Facebook มาดู ... แค่นาทีเดียว ข่าวสารดีๆ ก็ไหลเข้ามาเต็มไปหมดแล้วครับ
ทำงานเท่าสิบคน...เพราะจัดการข้อมูล...ด้วย Skill ระดับเทพ
คุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องใช้เวลามากมายในการมานั่งจัดข้อมูลอยู่หรือไม่...
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนเวลาตอบข้อมูลอะไรสักอย่าง ... มันดูลึกจัง เช่น
"จากการวิเคราะห์ของผม ... พบว่า ... 20% ของ Order ในไตรมาสที่ผ่านมา ทำกำไรถึง 80% ของกำไรทั้งหมดของเราเลย.."
หรือแบบนี้
"ลูกค้าของเรา 90 รายจากทั้งหมด 100 ราย มีพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าทุกวัน ขณะที่อีก 10 รายสั่งแค่อาทิตย์ละครั้งเดียว ... หากเราต้องการลดจำนวนพนักงานธุรการลง ... ผมเสนอให้ออกโปรโมชั่นลดราคาอีก 1.5% ถ้าลูกค้ารวมยอดสั่งซื้อมาครั้งเดียวต่ออาทิตย์...เชื่อว่าจะต้องทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกมากครับ"
คนพวกนี้เขาทำได้ยังไงหว่า...คำตอบคือ
- พวกเขาไม่ได้เหนือมนุษย์หรอก...เขาแค่ใช้ Microsoft Excel เป็น
- พวกเขารู้พื้นฐานในการจัดการข้อมูลหรือ Data ให้เป็นระเบียบ
เช่น เขาแยกการเก็บข้อมูลเป็น คอลัมน์ๆ ตามหมวดหมู่ ... เวลาทำการวิเคราะห์มันจะง่าย
หรือ เช่น เขารู้จักการรวบข้อมูลที่หลากหลายให้เป็นช่วง ... เพื่อทำการวิเคราะห์ได้ง่าย - เขารู้ฟังก์ชั่นที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น SUMIF, COUNTIF, VLOOKUP และอื่นๆ
หรือสามารถใช้ PIVOT TABLE ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้
ในที่นี้คงไม่ได้ลงรายละเอียดว่าเจ้า Functions และ Tools พวกนี้ใช้งานอย่างไรนะครับ
แค่เพื่อให้ท่านได้พอรู้ว่า...อ๋อ...จริงๆ แล้วมันทำได้
พวกนี้คุ้มที่จะเสียเวลาดู Youtube นั่งหัดเอา หรือจะยอมเสียเงินลงเรียนก็คุ้มครับ
เพราะมันจะทำให้เราสามารถทำงานที่ต้องใช้หลายคนทำและเสียเวลานาน ได้ด้วยตัวคนเดียวเลย
เมื่อเราใช้ข้อมูลและวิเคราะห์ประกอบ ... จะทำให้การตัดสินใจดีขึ้นอีกมากครับ... - เมื่อเขารู้ว่าต้องใช้ข้อมูลอะไรมาวิเคราะห์ ... เขาจึงสามารถออกแบบข้อมูลและรูปแบบ (Format) -ของข้อมูลที่ต้องเก็บ ให้แผนกหรือหน่วยงานที่เป็นคนเก็บบันทึก เก็บตามที่เขาต้องการได้
เร็วกว่า...เพราะออกแบบรายงานไว้ล่วงหน้า
ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าหรือผู้บริหารต้องการรายงานอะไร... ก็ควรออกแบบไว้ล่วงหน้าหรือเรียกว่าการออกแบบ Template นั่นเอง
อาจเป็น Excel, Word, Power Point หรืออะไรก็แล้วแต่...
ซึ่งเรื่องนี้ผมก็คงไม่ลงรายละเอียดในที่นี้เช่นกัน .... แต่หากท่านจะเสียเวลาสัก 1 นาที ... ลอง Search ใน Google ดูโดยใช้คำว่า "ตัวอย่างรายงาน" หรือ "Report Templates" เป็นต้น ท่านก็จะได้แรงบันดาลในอย่างมากทีเดียว
เป้าหมายคือ เสียเวลาในการจัดรูปแบบรายงานให้น้อยที่สุด จะได้เอาเวลาไปทำงานอะไรที่ช่วยให้งานคืบหน้าได้อีกมาก...
หรือ...จะแหวกแนวด้วยการใช้ LINE group รายงานกันสดๆ เลย ก็เป็นไอเดียที่ดี
------------------------------------------------------
ทั้งหมดทั้งปวงที่เขียนมา...ก็ด้วยอยากให้น้องๆ เห็นว่า เรายังมีศักยภาพอีกมาก...
Skill เหล่านี้ถ้าฝึกไว้มันจะติดตัว...ไม่ว่าทำงานที่ไหน เราก็จะเป็นคนที่ได้เปรียบเสมอ...
จบจดหมายฉบับที่สาม ... แล้วไว้เจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ //
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น