1.18.2559

เรื่องจริง 15 ข้อเกี่ยวกับ “อำพัน” ที่คุณอาจยังไม่รู้


เรื่องจริง 15 ข้อเกี่ยวกับ “อำพัน” ที่คุณอาจไม่รู้


ภายในเนื้อสีส้มเข้มโปร่งแสงของสิ่งนี้ ได้เก็บรักษาสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปเป็นล้านๆ ปีแล้ว มันประดับประดาอยู่บนสร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู มาเป็นเวลานับพันปี

มารู้จักเรื่องจริง 15 ข้อ ของเจ้าสสารที่ล้ำค่าตัวนี้กันครับ



ข้อที่ 1
“อำพัน”...เป็นอัญมณีก็จริง แต่ไม่ได้เป็นหิน เหมือนอย่างอัญมณีอื่นๆ

อำพันไม่ได้เป็นแร่ธาตุ แต่เป็นยางไม้เก่า ของต้นไม้บางชนิด ที่เก่าเก็บ กลายเป็นฟอสซิลมาเป็นล้านๆ ปี ยางไม้นั้นได้ก่อตัวเป็นสารทีเหลือง โปร่งแสง....ยิ่งสวยงาม สะท้อนแสงเป็นประกายเมื่อขัดเงา...อำพันถูกใช้เป็นอัญมณีและตกแต่งสิ่งต่างๆ มาช้านาน

หากจะจำแนกประเภทของอำพันให้ถูกต้องแล้ว...มันเป็นอัญมณีที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต...เป็นจำพวกเดียวกับ ปะการัง ไข่มุก มากกว่า




ข้อที่ 2
ในโลกนี้ แหล่งที่เจอ “อำพัน” มากที่สุด คือแถบ บอลติก (Baltic region)
 

มีเอกสารด้านพฤกษศาสตร์ฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์โดย The Royal Society ได้ประมาณการไว้ว่า อำพันจำนวนกว่า 105 ตันในแถบบอลติกนั้น เกิดขึ้นในป่าทางยุโรปเหนือ ตั้งแต่ยุค พาลีโอจีน นี่คือถิ่นที่มีอำพันมากที่สุดในโลก เท่าที่เรารู้จักกัน

อำพันจากบอลติก เป็นที่รู้กันว่า มีคุณภาพสูงที่สุด ด้วยความที่ภายในของมัน มีฟอสซิลของแมลงต่างๆ หลายยุคหลายสมัยเก็บอยู่อย่างสมบูรณ์ที่สุด




ข้อที่ 3
“อำพัน” เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของต้นไม้

เมื่อต้นไม้เป็นแผล หรือถูกเจาะเป็นรู มันจะขับยางเหนียวๆ ออกมาเพื่อปิดแผลเหล่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ปฏิกริยาเคมีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้ยางนั้นแข็ง และกลายเป็น อำพันโปร่งแสงใสๆ อย่างที่เรารู้จักกัน ดังนั้น...อำพันก็คือ ยางของต้นไม้โบราณ ที่แข็งโป๊กไปแล้วนั่นเอง...




ข้อที่ 4
มันต้องใช้เวลาเป็นล้านๆ ปี และการถูกฝังที่เหมาะเจาะเท่านั้น จึงจะเกิดเป็น “อำพัน” ขึ้นมาได้

ยางไม้ส่วนใหญ่มีปฏิกริยาเคมีไม่คงที่ มักจะเน่าเปื่อยผุพังไปก่อนที่จะแข็ง ขณะที่ยางไม้บางชนิดได้ฟอร์มตัวอย่างคงที่ ภายใต้การถูกกลบฝังในสภาวะที่เหมาะสม เช่นในน้ำที่ตกตะกอนอยู่ใต้ทะเลสาบ, สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ, ดินโคลนตะกอน, ชั้นหินดินดาน และในหินทรายที่แทรกอยู่ในชั้นถ่านหินลิกไนต์

อำพันนั้นแข็งขึ้น และแข็งขึ้น ด้วยกระบวนการ Oxidation และ Polymerization ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงข้อมูลจาก Emporia State University’s Susie Ward Aber นั้น ได้กล่าวว่า อำพันส่วนใหญ่นั้นถูกพบในชั้นหินตะกอนที่เกิดในระหว่างยุคครีเทเชียส และพาลีโอจีน ซึ่งมีความเก่าแก่ระดับ 30 – 90 ล้านปีทีเดียว




ข้อที่ 5
คำศัพท์ Electricity หรือไฟฟ้านั้น เกิดขึ้นจากคำกรีกโบราณที่ใช้เรียก “อำพัน”

อ้างอิงจาก The Swedish Museum of Amber เมื่อกว่า 2500 ปีมาแล้ว นักปราชญ์ชาวกรีกชื่อ Thales of Miletus ได้ค้นพบว่า เมื่อขัดถูอำพันกับผ้า จะเกิดประกายไฟ และพลังอะไรบางอย่างที่สามารถดูดขนนก, เศษแกลบ และเศษไม้เล็กๆ ให้ติดขึ้นมาได้

พลังงานนี้ ได้ถูกตั้งชื่อว่า “Electricity” ตามคำกรีกที่ชื่อ “Elektron” ที่เป็นชื่อของ อำพัน นั่นเอง...




ข้อที่ 6
สิ่งมีชีวิตจำนวนมาก ได้ติดอยู่ใน “อำพัน” แม้แต่ขนของไดโนเสาร์
 
สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นได้ จบชีวิตของมัน และถูกเก็บอยู่ในอำพันโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น กบ กิ้งก่า ตุ๊กแก หนังงู ขนนก ขนและกระดูกช้างแมมม็อธ และพืชนานาชนิด ได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีในก้อนอำพัน กว่าครึ่งที่ค้นพบเป็นพวกแมลงมีปีก นอกเหนือจากนั้นเป็นพวก มด แมลงปีกแข็ง ผีเสื้อมอส แมงมุม ตะขาบ ปลวก แมลงเล็กๆ ผึ้ง แมลงสาบ ตั๊กแตน ตัวหมัด

อำพันบอลติกอย่างดีระดับ หนึ่งในพันชิ้น จากเอสโทเนีย จะมีสิ่งที่อยู่ข้างในเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สิ่งที่เคยค้นพบในอำพันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการสิ่งหนึ่งก็คือ “ขน” ของไดโนเสาร์ที่ชื่อ Theropod




ข้อที่ 7
นักวิทยาศาสตร์หลายคน ได้พยายามที่จะสกัด DNA จากเจ้าพวกแมลงที่อยู่ใน “อำพัน”

ถึงแม้ว่า Jurassic Part หนังชื่อดัง จะประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการนำเสนอเรื่องราวการสร้าง ไดโนเสาร์ขึ้นใหม่ จาก DNA ที่หลงเหลืออยู่ในอำพัน แต่ความจริงแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการสกัด DNA ที่ใช้งานได้จากแมลงที่อยู่ในก้อนอำพัน แม้ว่าพวกเขาไม่เคยยอมแพ้ก็ตาม (รายงานจากช่วงต้น ค.ศ. 1990, DNA ในแมลงตัวเก่า 120 ล้านปีนั้น ได้อยู่ในสภาพที่ใช้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง) DNA นั้น มีปฏิกริยาครึ่งชีวิตอยู่แค่ 521 ปี...ระหว่างนั้น ครึ่งหนึ่งของพันธะนิวคลีโอไทด์ก็จะสลายไป และหลังจากนั้นอีก 521 ปี ก็จะสลายไปอีกครึ่งหนึ่งอีก....และหลังจากนั้นอีกล่ะ...มันจะเหลืออะไร?




ข้อที่ 8
สายพันธุ์จำนวนมากที่ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ได้ถูกค้นพบ ก็เพราะ...”อำพัน” นี่แหละ!

เพราะลักษณะเฉพาะที่ อำพัน เก็บรักษาเจ้าพวกแมลงและสัตว์ต่างๆ ไว้ภายในตัวมัน จึงเกิดการค้นภพมากมาย ที่ช่วยให้นักศึกษาเรื่องราวดึกดำบรรพ์ หรือ บรรพชีวินวิทยา (paleontologists) สามารถสร้างภาพ ชีวิต ที่เคยอยู่บนโลกมาก่อนได้ง่ายขึ้น และกว่า 1000 สายพันธุ์ของแมลงที่สูญพันธุ์ไปแล้วก็ได้ถูกค้นพบ เพราะ อำพัน ทั้งสิ้น




ข้อที่ 9
อำพันบอลติก ได้ถูกค้นพบใน สุสานอียิปต์
















ชาวอียิปต์โบราณนั้นชื่นชอบอำพัน มีรายงานหลายตัวที่เกี่ยวกับอำพัน และสิ่งที่คล้ายกัน ถูกค้นพบในสุสาน อายุกว่า 3200 ปีก่อนคริสตกาล นักวิชาการบางท่านเชื่อว่า อำพันเหล่านี้ ได้ถูกตั้งใจใช้เป็นตัวแทนของ “น้ำตาแห่งเทพเจ้ารา (RA)” ไม่ว่ามันจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แหล่งที่ค้นพบอำพันเหล่านี้ได้ถูกเชื่อว่า มาจากแถบ ชายฝั่งทะเลบอลติก ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1500 ไมล์ทะเล




ข้อที่ 10
บางแห่ง มีความเชื่อว่า “อำพัน” มีพลังแห่งการรักษา และพลังเวทย์มนต์

มีเรื่องราวความเชื่อจำนวนมากเกี่ยวกับ “พลัง” ของอำพันตลอดเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่ยาแผนใหม่จะถูกคิดค้นขึ้น อำพันถูกนำมาทำเป็น สร้อยคอ เครื่องราง หรือพกพาไว้ในถุงใบเล็กๆ เพื่อรักษาโรคเก๊าท์ โรคไขข้ออักเสบ อาการเจ็บคอ ปวดฟัน และปวดท้อง...ที่จริงแล้ว พ่อแม่ยุคใหม่ๆ ยังคงซื้อสร้อยคออำพันบอลติก ด้วยความเชื่อที่ว่า อำพันจะช่วยให้เด็กๆ ไม่เจ็บ ตอนที่ฟันขึ้น...

ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักวิทยาศาสตร์มายืนยันว่า อำพัน ช่วยลดอาการปวดได้ แต่ก็มีการวิจัยบางตัว ได้นำเสนอว่า กรดซักซินิก (succinic acid) ที่พบในอำพันบอลติกนั้นมีส่วนช่วย...แต่ถึงกระนั้น แพทย์ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อว่าปริมาณกรดดังกล่าวในสร้อยคออำพันจะทำให้เกิดผลขนาดนั้น และกรดที่ว่าจะถูกปล่อยออกมาจากอำพันและซึมผ่านผิวหนังเข้าไปได้อย่างไร

อำพันยังถูกเชื่ออีกว่า...สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉงขึ้น ช่วยต้านพิษงู หรือแม้แต่ที่ว่า มันมีพลังวิเศษที่ช่วยต่อต้านพลังชั่วร้าย หรือคุณไสย




ข้อที่ 11
มนุษย์ได้ใช้ “อำพัน” ในฐานะอัญมณีมาตั้งแต่ 11,000 ปีก่อนคริสตกาล

อำพันที่ถูกขัดแต่ง เพื่อใช้เป็นอัญมณี หรือการตกแต่งเมื่อ 11,000 ปีก่อนคริสตศักราชนั้น ได้ถูกค้นพบในพื้นที่ขุดค้นด้านโบราณคดีในประเทศอังกฤษ มันถูกใช้ทำเป็นน้ำมันขัดเงามาอย่างยาวนานจนถึงยุค 250 ปีก่อนคริสตกาล และผงอำพันนั้นก็ถูกใช้ในการทำเครื่องหอมด้วย




ข้อที่ 12
“อำพัน” ที่เก่าที่ที่สุด ที่เคยค้นพบ มีอายุ 320 ล้านปี

อำพันส่วนใหญ่ที่พบนั้น จะมีอายุน้อยกว่า 90 ล้านปี แต่ก็มีบางส่วนที่เก่ากว่านั้นมาก...นักวิจัยได้ค้นพบอำพันชิ้นหนึ่งที่มีอายุกว่า 320 ล้านปีในเหมืองถ่านหินในเมือง อิลินอยส์ โดยสิ่งที่หน้าประหลาดใจคือ มันมีสภาพไม่ต่างจากอำพันชิ้นที่อายุน้อยกว่าเลย

การค้นพบนี้ได้คว่ำทฤษฎีที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของพืชก่อนหน้านั้นทั้งหมด เพราะได้แสดงให้เห็นแล้วว่า อำพันก้อนนั้น ซึ่งก็คือยางของต้นไม้ นั้นเก่ากว่าอายุของต้นไม้ที่เคยคิดกัน

สิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่ที่สุด ที่ถูกค้นพบอยู่ภายในอำพันยุค Triassic หรือประมาณ 90 ล้านปีมาแล้ว ....คือตัวไร...หรือแม้แต่ที่มีอายุ 230 ล้านปี ก็แล้วแต่...เป็นที่น่าตกตะลึงมาก...ที่เจ้าพวกตัวไรในอำพันเหล่านี้...เหมือนกับตัวไรในปัจจุบันนี้ทุกประการ...




ข้อที่ 13
“อำพัน” นั้นเคยทำให้มนุษย์ยุคก่อนสับสนหนักมาแล้ว...

















อ้างอิงจาก Judith Frondel ผู้แต่งหนังสือชื่อ Amber Facts and Francies บรรพบุรุษของมนุษย์เรา ไม่แน่ใจว่า เจ้าสิ่งเหลืองๆ ที่มีแสงสลัวๆ ที่มักจะตกอยู่ตามชายฝั่งทะเลนี้ เกิดมาจากอะไร
ความเชื่อในตอนนั้นคือ อำพันนั้น เกิดมาจาก ปัสสาวะของ Lynx (แมวป่าชนิดหนึ่ง) ผสมกับแสงอาทิตย์ และกลายเป็นของแข็งเพราะคลื่นทะเล หรือไม่ก็เป็นน้ำตาของนกที่มาจากอินเดีย...




ข้อที่ 14
“อำพัน” ที่ถูกค้นพบนั้น มีสีที่หลากหลายกว่า 300 สี
สีที่ผู้คนนิยมกันคือ สีเหลือง สีส้ม แต่ที่ค้นพบกันนั้น มีกว่า 300 สี แม้แต่สีเขียว สีฟ้า ซึ่งเกิดจากสีของสิ่งที่ถูกฝังอยู่ภายใน เช่น พวกพืช




ข้อที่ 15
มันง่ายมาก ที่จะถูกย้อมแมวด้วย “อำพัน” ปลอม

มีพลาสติกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Bakelite สามารถทำเป็นอำพันได้อย่างเหมือนจริงมาก แต่ก็มีวิธีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า อำพันก้อนนั้น เป็นของจริงหรือปลอม ด้วยการใช้มีดขูด ของปลอมจะลอกเป็นแผ่นๆ แต่ของจริงจะถูกขูดออกมาเป็นผง อำพันของจริงนั้นลอยบนน้ำเกลือได้ และจะร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่บนตัวคุณ



ขอขอบคุณที่มาของสาระดีๆ จาก Mental_floss ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น